วันเสาร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2556

เรื่่อยเปือยครั้งที่ 1 : เช้าตรู่วันหนึ่งรอบที่ทำงาน

หลังจากที่ไม่ได้จับกล้องเดินท่อมๆ ไปรอบที่ทำงานมานานเกือบ 2 ปี ด้วยเหตุผลที่ว่า

1.งานเยอะ
2.ขี้เกียจ
3.ก่อนหน้านั้นน้ำท่วมใหญ่ สภาพที่ทำงานดูไม่ได้ต้องเร่งฟื้นฟู
4.ไร้แรงจูงใจ หรือไม่มีแรงบันดาลใจ ไฟมอด(แต่ยังไม่ดับนะ)

มานึกๆ ดูแล้วก็คิดในใจว่า "เกือบ 2 ปีเชียวนะ นี่เราเฉื่อยชา ขี้เกียจสันหลังยาว ปล่อยเวลาให้ผ่านไปวันๆมานานขนาดนี้เลยรึ!! ทำไมล่ะ?" 

ครั้นพอไฟและความขยันเรื่องเกิดขึ้น และตอนนี้อะไรหลายๆ อย่างอยู่ในช่วงประจวบเหมาะพอดี ถ่านไฟเก่าจึงคุ สองวันก่อนตื่นนอนแต่เช้าออกไปวิ่งเบาๆ เสร็จแล้วก็หุ่งข้าว หลังจากนั้นรีบกลับเข้าไปคว้ากล้องออกมาถ่ายรูปรอบที่ทำงาน

แต่...มันก็ัยังคิดอะไรไม่ออก จะสื่อภาพออกมาในลักษณะไหน มองไปซ้ายขวา เห็นแสงแรกของวันจากดวงอาทิตย์กับหยดน้ำก็คิดง่ายๆว่า ลองเล่นกับแสงหน่อยแล้วกัน






ภาพชุดนี้ทั้งหมดโมวัดแสงไปทางอันเดอร์ ตั้งใจจะเล่นกับแสงพระอาทิตย์ยามเช้า อยากให้ส่วนมืดกับส่วนที่สว่างตัดกันอย่างลงตัว คลับคล้ายคลับคลาอารมณ์และเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเองในตอนนี้

แต่เหมือนพระอาทิตย์จะไม่เป็นใจสักเท่าไร เดี๋ยวแดดสวยใส สักพักก็อ่อนแรงซะงั้น เรารึกำลังเพลินๆ เวลาก็กระชั้นเข้ามาเรื่อยๆ เพราะยังไม่ได้อาบน้ำ 8.30 ต้องเข้าทำงาน ตกลงวันนี้จะได้ภาพดีๆ สักกี่ภาพกัน











เสียดาย ไม่มีขาตั้งกล้อง อันเก่าพังไปแล้ว รู้สึกก็คราวนี้ล่ะว่าถ่ายมาโครไม่มีขาตั้งกล้องมันยากขนาดไหน ไหนจะกล้องกับเลนส์น้ำหนักรวมกันเกือบกิโลครึ่ง งานนี้ต้องอาศัยการยืนให้มั่นคง กับใช้ 7D ยิงรัวเป็นปืนกลกันเลยทีเดียว





เหนื่อยๆ กับงาน หาเวลาว่างมาถ่ายรูปก็ทำให้ผ่อนคลายขึ้นได้เยอะ เรื่องอะไรยุ่งยากหนักเกินก็ปล่อยทิ้งไปซะ ช่างหัวมัน ทำตัวมืดมนตาม เราเองนั่นล่ะที่เครียดและไม่มีความสุข





มีมุมมืด สักวันมันก็ต้องมีมุมสว่าง แม้เพียงเริ่มจากจุดเล็กๆ... แต่เท่านั้นก็มากเพียงพอ ดีกว่ามืดจนมองไม่เห็นอะไรเลย










อะไรที่มองผ่านๆ เหมือนไม่สวยไม่น่ามอง ไม่สะดุดตา ไร้ค่า แต่ถ้าลองมองให้ลึกซึ้ง พิจารณาดีๆ เราจะมีโอกาสได้มองเห็นความสวยงามที่ซ่อนอยู่ เหมือนที่ใครก็ไม่รู้พูดไว้เป็นคนแรกว่า หากมองที่เนื้อแท้ ตัดสินอย่างเป็นกลาง ไม่เอารูปลักษณ์ภายนอกมาเป็นกฎเกณฑ์ตัดสิน เราจะมองเห็นความเป็นไปของโลกนี้ได้ดีขึ้น



















โลกนี้ไ่ม่มีอะไรที่ยากเกินไปและง่ายเกินไป ไม่มีอะไรซับซ้อน มีแต่เราเองที่ทำให้มันยุ่งยาก อย่ามองโลกในแง่ร้ายและไม่มองโลกในแง่ดีจนเกินไป แค่มองในแบบที่โลกนี้เป็น สำคัญที่สุดคือตัวเราเอง หากเรานิ่งพอ จิตใจสงบ มีสติและเหตุผล ไม่ว่าใครจะเข้ามาในรูปแบบไหนเราก็ยังปลอดภัย..ทั้งกายและจิตใจ จะทำตัวให้ลุ่มร้อนไปทำไม ในเื่มื่อมันไม่ส่งผลดีกับเราเลยสักนิด 



จริงม่ะ...







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น