วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

วิหารแก้ว 100 เมตร วัดท่าซุง

เมื่อหลายสัปดาห์ก่อนได้มีโอกาสอู้งานหนีไปเที่ยวมาค่ะ เป็นการอู้งาน 1 วัน และกว่าจะได้ออกจากอยุธยาก็ปาเข้าไปครึ่งวันแล้ว เพราะมัวแต่วนขับรถถ่ายรูปท้องนามากไปหน่อย ดังนั้นการสถานที่ที่เลือกไปจึงต้องค่อนข้างใกล้กับอยุธยา ตอนแรกก็ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะไปไหนดี แต่แล้วจู่ๆ สถานที่หนึ่งก็ผุดขึ้นมาในสมอง มองดูนาฬิกาเป็นเวลา 12.45 น. คิดว่าน่าจะไปทัน (ทั้งๆ ที่ไม่เคยไปเลย)

 หลังจากนั้นก็เริ่มต้นขับรถและหยุดดูแผนที่ประมาณ 3 รอบ จากอยุธยาเส้นถนนสายเอเซีย ไปจนถึงแยกเข้า อ.มโนรมย์  ซึ่งพอเห็นป้ายก็ไม่ได้คิดอะไรอีก เลี้ยวซ้ายไปตามป้ายเรื่อยจนกระทั่ง มาหยุดอยู่ในตัวตลาด ตรงหน้ามีป้ายขนาดใหญ่ติดว่า แพขนานยนต์ศรีประเสริฐ แม่เจ้า!! ตูมาถูกหรือเนี่ย ฟลุ๊กสุดๆ 5555




พารถตัวเองขึ้นแพยนต์ครั้งแรกรู้สึกตื่นเต้นมากๆ นั่งยิ้มคนเดียวในรถเหมือนคนบ้าเลย อิอิ


จากรูป โมมาเส้นนี้เพื่อย่นระยะทางค่ะ ข้ามฝากจาก อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท เพื่อไปยังอีกฝั่งแม่น้ำ ซึ่งเป็นของ ต.น้ำซึม อ.เมือง จ.อุทัยธานี เมื่อขึ้นจากแพ ให้วิ่งตรงอย่างเดียวเลยค่ะ ประมาณ 3 กิโลเมตรเราจะมาถึงทางเข้าวัดท่าซุง ขอย้ำว่าทางเข้าวัดนะคะไม่ใช่วิหารแก้ว ภายในวัดตอนไปนั้นเขากำลังก่อสร้างและบูรณะสถานที่ต่างๆ หลายแห่ง ก็เลยไม่ได้ถ่ายรูปอะไรมา นอกจากหลังคาอุโบสถแก้วค่ะ



เนื่องด้วยไปครั้งแรกแบบแทบจะไม่รู้อะไรเลย ขาไปใช้เวลา 2.30 ชั่วโมงค่ะ ทั้งที่ระยะแค่ 150 กม. ไปถึงก็บ่ายสามโมงครึ่ง เดินงงๆ หาวิหารแก้วไม่เจอ เลยลองถามคนในวัด ปรากฏว่าวิหารแก้วมันอยู่อีกที่ เลยจากตรงนี้ไปไม่ถึง 1 กม. ตรงนั้นไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาอยู่ที่ ณ เวลานั้น 15.45 และเวลาปิดเข้าชมคือ 16.30 คุณพระ!!!

รีบบึ่งออกจากวัดอย่างเร็ว (มีคนเป็นแบบโมเยอะค่ะ จากที่สั่งเกตุ ตรงนี้ดูเหมือนทางวัดไม่ได้มีการประชาสัมพันธ์ไว้เลยว่าวิหารแก้วไม่ได้อยู่ถายในตัดวัด คนเลยหลงมาเพียบ)  ขับขึ้นไปจากวัดประมาณ 1 กม. เราจะเห็นป้ายอยู่ทางซ้ายมือ เขียนว่าทางเข้าวิหารแก้วค่ะ จากนั้นก็เลี้ยวรถเข้าไปเลย




ภายนอกของวิหารแก้วค่ะ



ที่มีเวลาเข้าชมนะคะ รอบเช้า 9.00-11.30  รอบบ่าย 14.00-16.30


พอเข้ามาภายในก็ต้องตื่นตาตื่นใจกับกระจกสะท้อนที่วิบวับเหลือเกิน รู้สึกตื่นเต้นหายเหนื่อย แต่ก็ยังวางใจไม่ได้ค่ะ เพราะโมมีเวลาถ่ายรูปแค่ 20 นาที เท่านั้น เลยรัวกดชัตเตอร์แบบบ้าคลั่ง (ยกมือไว้พระอยู่ 30 วินาทีได้ แหะๆ) ขนาดใกล้ปิดคนก็ยังมีเยอะพอสมควรเลยค่ะ 









ดังนั้นหลายๆ ภาพก็เลยถ่ายมุมเสยเพิ่มความอลังการให้กับภาพ และเป็นการเลี่ยงผู้คนไปได้ในตัว




แต่บางครั้งการมีบุคคลเข้ามาในภาพก็เพิ่มเรื่องราวให้น่าสนใจขึ้นได้เช่นกัน






ถ่ายไปเรื่อยๆ ค่ะ มองมุมไปอย่างรวดเร็วเพราะเวลามีจำกัด มีคนประกาศตลอดว่าใกล้จะปิดแล้ว 
โมอยู่จนกระทั่งแทบจะไม่มีใครเหลืออยู่ พอตัดสินใจว่าพอแล้ว ก็เดินออกมา แล้วประตูวิหารก็ถูกเจ้าหน้าที่ของทางวัด ปิดตามหลังมาเลย >,<




ถ่ายภาพลักษณะแสงแบบนี้ ลองปรับไวท์บาลานเล่นดูค่ะ จะได้สีภาพที่หลายหลาย สวยกันไปคนละแบบดี
แต่ระวังนิดนึงตอนโปรเซฟภาพที่วัดนี้ โมทำได้ไม่นานค่ะ ต้องหยุดเป็นพักๆ เพราะมึนหัวมากกกกก
มึนกับกระจกที่วิบวับแวววาว เล่นเอากุมขมับ แต่ได้คุยกับหลายๆ ท่าน เขาบอกว่าบางคนน่ะ มึนตั้งแต่ก้าวเท้าเข้าไปในวิหารเลย 555


สุดท้ายโมก็กลับออกมาจาก จ.อุทัยธานี จังหวัดเล็กๆ ของภาคเหนือตอนล่าง ซึ่งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกเยอะค่ะ แต่วันนั้นโมไม่มีเวลาเหลือแล้วจึงตรงกลับอยุธยาทันที ทั้งที่ยังอยากไปต่ออีกหลายที่ เลยตั้งใจว่าอีกไม่นานนี้จะกลับไปเที่ยวใหม่อีกสักครั้ง 

และจากตอนไปๆ แบบไม่รู้ใช้เวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง แต่ขอกลับรู้แล้ว ดังนั้น ระยะ 150 กม. ขากลับใช้เวลาไปแค่ 50 นาที 

หวาดๆ ว่าจะถูกคุณตำรวจยิงกล้องตรวจจับความเร็วอยู่เหมือนกันนะเนี่ย = ="

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น