วันศุกร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2556

ขอบ่นสักหน่อย

คุณเคยได้ยินคำถามเหล่านี้ไหม

ถ่ายภาพยังไงถึงสวย ถ่ายยังไงถึงจะคมชัด กล้องตัวไหนถ่ายแล้วได้ภาพชัดๆ แจ่มๆ กล้องตัวไหนถ่ายภาพแล้วได้รูปสวยๆ

ถ้าคุณเจอคำถามนี้คุณจะตอบเขาเหล่านั้นไปว่าอย่างไร


อย่างโมเป็นประเภทถนอมน้ำใจค่ะ (หากอารมรณ์ดี) ก็จะตอบไปประมาณว่า "ของแบบนี้ต้องค่อยๆฝึกไป ขยันดูภาพ ศึกษาการถ่ายภาพ ที่สำคัญต้องขยันฝึก อดทนนะคะ สู้ๆ"

แต่ถ้าอารมณ์เริ่มตึงๆ เพราะคนมาขอคำแนะนำเหมือนจะไม่ยอมเขาใจอะไรง่ายๆ ก็จะเจอโมเกรียนกลับไปเล็กน้อย ด้วยประโยคที่ว่า "กล้องแต่ละตัวมันมีศักยภาพในตัวเอง อยู่ที่คนหลังกล้องว่าจะสามารถรีดเอาศักยภาพเหล่านั้นออกมาได้หรือเปล่า กระบี่อยู่ที่ใจ ก็เหมือนกับใช้กล้อง กล้องระดับไหนอาจจะสำคัญ แต่ไม่มีทางมากไปกว่าคนใช้หรอก"

แต่ถ้าอารมรณ์เสียสุดๆ โมจะไม่ตอบ ปล่อยผ่านเลย เพราะคนประเภทนั้นพูดไปก็เมื่อยปาก

เจอเข้าหลายๆ ครั้ง หลายสิบจนเป็นร้อยคน เคยนึกอยู่ในใจว่าคนเหล่านั้นเคยซื้อหนังสือถ่ายภาพมาอ่านกันสักเล่มไหม เคยศึกษาด้วยตัวเองรึเปล่า หรือที่ผ่านมาแค่รอให้คนป้อนถึงปาก





หนังสือเหล่านี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นที่โมใช้ศึกษาด้านการถ่ายภาพ หลายๆ เรื่องไม่จำเป็นต้องไปถามหาจากใคร หนังสือมีให้เกลื่อน หรือไม่อยากเสียตังค์ อินเตอร์เน็ตก็มี กรูเกิลก็ใช้ได้ ไม่ได้ถูกบล็อคเหมือนบางประเทศ ก็เซิฟหาข้อมูลไปอ่านสิ คนเขาเขียนบอกเป็นบทความไว้เยอะแยะ 

นอกจากนี้แล้วยังมีคนประเภทซื้อกล้องตามกระแสเอามาถ่ายรูปบ้าง เห็นเขาฮิตกัน ใครๆก็สะพายกล้อง เล่นๆไปสักพักบอกไม่เห็นจะดีเลย ยุ่งยาก รูปก็ไม่ต่างจากคอมแพ็ค ขายดีกว่า คนพวกนี้ไม่ได้รู้อะไรทั้งนั้น แล้วบางครั้งยังทำเรื่องแผลงๆ จนพลอยทำให้คนที่รักการถ่ายภาพหรือที่เขาจริงจังกับทางนี้เสียหาย ยกตัวอย่าง

นึกจะถ่ายใครถ่ายอะไรก็ถ่ายๆๆๆ ไม่มีไมตรี จะถ่ายคนแก่ เด็ก อาหาร ฯลฯ หรืออะไรก็แล้วแต่ บางทียกกล้องขึ้นดื้อๆ แล้วก็จากไป ไม่คิดถึงคนถูกถ่ายที่เขาเห็น รู้ตัว ว่าจะรู้สึกยังไง 

คำแนะนำคือมายาทค่ะ ก่อนถ่ายภาพคุยกับเขาเสียก่อนสิ บอกเจตนาดีๆไป พูดคุยดีๆ บอกเหตุผล ใครที่ไหนก็ไม่ว่า (นอกจากซวยสุดๆ เจอคนอารมณ์บูด อันนั้นช่วยไม่ได้ ต้องดูให้ดีๆ) จากประสบการณ์ที่ผ่านมาหลังเข้าไปคุย ไม่ใช่แค่เพียงให้ถ่ายภาพแต่โดยดี แถมยังบอกอีกว่าอยากให้ทำยังไงบอกได้เลย เดี๋ยวจัดให้





ขอบคุณป้าวิค่ะ ทุกวันนี้โมยังจำชื่อป้าได้อยู่เลย น่ารักมากๆ ^_^ ถ้าวันนั้นแบตกล้องไม่หมดไปเสียก่อนคงได้ภาพป้ามาเยอะกว่านี้


ในกรณีที่คุณอยากได้ภาพเทพๆ มุมเจ๋งๆ สีหน้า อารมรณ์ และสายตาที่สื่อความหมายชัดเจน การเดินเข้าไปพูดคุยขอถ่ายภาพนั้นคือทางออกที่ดีที่สุด ซึ่งคุณไม่สามารถหาได้จากวิธีไหนอีกแล้ว หรือถ้าทำไม่ได้ก็อย่าถ่ายเลยภาพคนน่ะ ไปถ่ายแมลงดอกไม้ใบหญ้าเถอะ (ยกเว้นกรณีแคนดิท แต่ความหมายของแคนดิทคือต้นแบบไม่รู้ตัว ดังนั้นภาพที่เอามาลงก็อย่าสื่อออกไปในทางลบลู่ทำให้แบบเสียหายค่ะ ให้เกียรติเขาบ้าง ถ้าสักแต่เอาตามความพอใจของตัวเอง แถมเอามาเขียนเป็นเรื่องมั่ว ๆคิดเองสรุปเอง แบบนั้นเขาเรียกปาปารัชซี่)

อีกเรื่องที่อยากพูดถึงคือการถ่ายภาพของขายที่วางขายตามร้านต่างๆ รวมทั้งของกินด้วยนะ เคยสังเกตไหมทำไมเดี๋ยวนี้แม่ค้าหลายคนไม่ให้ถ่ายรูปของๆเขา ก็เพราะเจอแต่คนพวกนี้ไง หยิบจับตามใจชอบ กดๆชัตเตอร์ ถ่ายรูปเสร็จวาง เดินจากไป ไม่พูดขอหรือซื้อของเขาเลย เจอมากๆ เข้าแม่ค้าที่จะทนได้ เห็นเขาเป็นหัวหลักหัวตอกันรึยังไง

การจะเป็นช่างภาพที่ดี ต้องมีน้ำใจ+มารยาท เรื่องพวกนี้คือสิ่งสำคัญสำหรับการถ่ายภาพ (ที่เลวๆอย่าไปนับ อย่าไปเลียนแบบ มันไม่สมควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง) หากคุณปฎิบัติได้ใครที่ไหนจะรังเกียจคุณ ปัญหาอุปสรรคก็ลดลงไปกว่าครึ่ง สบายใจด้วยกันทุกฝ่าย

สำหรับคนที่คิดจะจริงจังเพื่อทำเป็นอาชีพหรือจริงจังเพราะใจรัก อย่าทำตัวเป็นบัวที่อยู่ในโคลนตม หรือน้ำเต็มแก้ว ถือทิฐิ หลงตัวเอง ไม่ฟังอะไรใครทั้งสิ้น ใครวิจารณ์ก็ของขึ้น ฟังคำติไม่ได้ชอบแต่คำชม แล้วแบบนั้นเมื่อไรจะพัฒนา ในการวิจารณ์การแนะนำของวงการนี้น่ะ ของจริงเขาพูดกันตรงๆ ชี้ให้เห็นไปเลยว่าต้องแก้ตรงไหน เพราะหากมัวแต่เรียบๆ เคียงๆ พูดอ้อมโลก เมื่อไรจะเก่งขึ้นล่ะ จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของตัวโมเอง ที่ผ่านมายังไม่เคยเจอใครหวงวิชา มีเท่าไรสอนให้หมดหน้าตัก อยู่ที่คนรับนั่นล่ะว่าจะรับไปไหม จะไหวรึเปล่า และที่สำคัญอย่าคิดว่าตัวเองเก่งพอแล้ว เพราะถึงตอนนั้นใจคุณจะไม่รับฟังใคร และจะไม่สามารถพัฒนาไปได้อีก ที่สำคัญคืออย่าหยุดนิ่ง นั่นเพราะเมื่อนิ่งเมื่อไร คุณก็จะนิ่งตลอดไปอีกนานนั่นเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น